เอฟเอคัพ ฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

เอฟเอคัพ (FA Cup)
เอฟเอ คัพ (FA Cup)

FA Cup เป็นการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุด มีอายุยาวนานถึง 147 ปี (1872-2019)

เอฟเอคัพ

เอฟเอคัพ เป็นการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่ใช้การแข่งขันแบบแพ้คัดออก หรือที่เรียกว่า น็อกเอาต์ โดยผู้ที่จัการแข่งขันฟุตบอลถ้วยนี้คือ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA เริ่มการแข่งขันเป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1872 (พ.ศ. 2145) ซึ่งมีอายุประมาณ 147 ปี ปัจจุบันมีสโมสรฟุตบอลเข้าร่วมทั้งสิ้น 762 ทีม โดยสโมสรที่ชนะเลิศสูงสุดคือ อาร์เซนอล จำนวน 13 สมัย ลักษณะของฟุตบอลเอฟเอคัพ จะมีสโมสรฟุตบอลหลายระดับร่วมการแข่งขัน โดยสโมสรในระดับล่างของฟุตบอลอังกฤษจะแข่งขันรอบคัดเลือกแบบแพ้คัดออกเสียก่อน ส่วนสโมสรในลีกระดับสูงจะเข้าร่วมแข่งขันในรอบหลัง ๆ เช่น สโมสรในลีกวันและลีกทูจะเข้ามาแข่งขันในรอบแรกเมื่อจบรอบคัดเลือก ในขณะที่สโมสรจากพรีเมียร์ลีกจะเข้ามาร่วมแข่งขันในรอบที่สาม
กีฬาฟุตบอล  บางประเทศเรียกว่าซอคเกอร์ เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่นมากที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน เพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ซูเลอ หรือจิโอโค เดล คาซิโอ มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่ากีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่มีกติกาการแข่งขันที่แน่นอน คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอลในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431 วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่น สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา แกลโล-โรมันพร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต และการเล่นฮาร์ปาสตัม ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเล

ตาราง แชมป์ เอฟเอ คัพ
สโมสร
แชมป์
อาร์เซนอล13
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด12
เชลซี8
ทอตนัมฮอตสเปอร์8
ลิเวอร์พูล7
แอสตันวิลลา7
นิวคาสเซิลยูไนเต็ด6
แมนเชสเตอร์ซิตี6
แบล็กเบิร์นโรเวอส์6
เอฟเวอร์ตัน5
เวสต์บรอมมิชอัลเบียน5
วันเดอเรอส์5
วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์4
โบลตันวอนเดอเรอส์4
เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด4
เชฟฟีลด์เวนส์เดย์3
เวสต์แฮมยูไนเต็ด3
เพรสตันนอร์ทเอนด์2
โอลด์อีโตเนียน2
พอร์ตสมัท2
ซันเดอร์แลนด์2
นอตทิงแฮมฟอเรสต์2
เบรี2
ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์1
ออกซฟอร์ดยูนิเวอร์ซิตี้1
โรยอร์เอ็นจิเนีย1
ดาร์บีเคาน์ตี1
ลีดส์ยูไนเต็ด1
เซาแทมป์ตัน1
เบิร์นลีย์1
คาร์ดิฟฟ์ซิตี1
แบล็กพูล1
แชปแฮมโรเวอส์1
นอตส์เคาน์ตี1
บาร์นสลีย์1
ชาร์ลตันแอธเลติก1
โอลด์คาร์โตเซียน1
แบล็กเบิร์นโอลิมปิก1
แบรดเฟิร์ดซิตี1
อิปสวิชทาวน์1
คอเวนทรีซิตี1
วิมเบิลดัน1
วีแกนแอทเลติก1
  อาร์เซนอล แชมป์เอฟเอ คัพ อีก 13 ครั้ง
อาร์เซนอล แชมป์เอฟเอ คัพ อีก 13 ครั้ง

เอฟเอคัพ ที่สูงที่สุด ในปัจจุบัน ก็คือ สโมสรอาร์เซนอล (Arsenal Football Club) เป็นสโมสรฟุตบอลที่เล่นในพรีเมียร์ลีก ในกรุงลอนดอน เป็นสโมสรฟุตบอลที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากสโมสรหนึ่ง ในฟุตบอลอังกฤษ ครองแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ 13 ครั้ง และเอฟเอ คัพ อีก 13 ครั้ง และก็ยังเป็นเจ้าของสถิติ ผู้เข้าชิงชนะเลิศในเอฟเอคัพมากที่สุด ถึง 20 ครั้ง และได้เป็นแชมป์เอฟเอคัพมากที่สุด อาร์เซนอลถือสถิติร่วม โดยอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษยาวนานที่สุดโดยไม่ตกชั้น และติดอยู่อันดับ 1 ของผลรวมอันดับในลีก ของทั้งศตวรรษที่ 20 และเป็นทีมที่ 2 ที่จบการแข่งขันฤดูกาลในลีกสูงสุดของอังกฤษโดยไม่แพ้ทีมไหน (ในฤดูกาล 2003–04) เป็นทีมเดียวที่ไม่แพ้ใครทั้ง 38 นัด

อาร์เซนอลก่อตั้งในปี ค.ศ. 1886 ที่วูลิช โดยกลุ่มคน 15 คน ช่วยกันบริจาคเงินคนละ 6 เพนซ์ เป็นค่าตั้งสโมสร ที่รอยัลโอ๊คผับ (ซึ่งความหมายนี้ได้ปรากฏอยู่ในสัญลักษณ์สโมสรในวาระครบรอบ 125 ปีของการก่อตั้ง) และในปี ค.ศ. 1893 เป็นสโมสรแรกจากลอนดอนใต้ที่ร่วมในฟุตบอลลีก ต่อมาในปี ค.ศ. 1913 สโมสรได้ย้ายมายังลอนดอนเหนือ ย้ายสนามมายังอาร์เซนอลสเตเดียมในไฮบรี ในคริสต์ทศวรรษ 1930 สโมสรครองแชมป์ลีกแชมเปียนชิป 5 สมัยและเอฟเอคัพ 2 สมัย และในยุคหลังสงครามชนะในลีกและเอฟเอคัพทั้งสองถ้วยในฤดูกาล 1970–71 และในคริสต์ทศวรรษ 1990 และคริสต์ทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 ครองสองถ้วยในฤดูกาลเดียว 2 ครั้ง และสามารถเข้าสู่รอบตัดสินในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี ค.ศ. 2006 อาร์เซนอลมีทีมคู่ปรับร่วมเมืองในนอร์ทลอนดอน คือ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่เรียกการแข่งขันว่า นอร์ทลอนดอนดาร์บี อาร์เซนอลเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 4 ของโลก ในปี ค.ศ. 2012 โดยมีมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์