ริคาร์โด้ กาก้า เทพบุตรลูกหนัง ยุค 2000’s
ริคาร์โด้ กาก้า เทพบุตรลูกหนัง หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค 2000’s
ริคาร์โด้ กาก้า นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ไม่มีนักฟุตบอลคนใดนอกจาก ลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่, โรนัลโด้ และ ลูก้า โมดริช ที่ได้รับรางวัล Ballon d’Or (บัลลงดอร์) อันที่จริงในช่วงที่ผ่านมา วงการลูกหนังมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษที่ผ่านมา ริคาร์โด้ อิเซคสัน ดอส ซานโตส ไลเต้ หรือที่เรารู้จักกันในนาม “กาก้า” อดีตจอมทัพทีมชาติบราซิล ของ เอซี มิลาน และเรอัล มาดริด เคยได้รับเลือกให้คว้ารางวัลดังกล่าวมาแล้ว

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ | : | ริคาร์โด้ อิเซคสัน ดอส ซานโตส ไลเต้ (ริคาร์โด้ กาก้า) |
วันเกิด | : | 22 เม.ย. ปี 1983 |
สถานที่เกิด | : | กรุงบราซิเลีย ประเทศบราซิล |
สัญชาติ | : | บราซิล |
ส่วนสูง | : | 186 เซนติเมตร |
ตำแหน่ง | : | กองกลางตัวรุก, กองหน้า |
ฉายา | : | เทพบุตรลูกหนัง |
กาก้า มีน้องชายอยู่ 1คนชื่อว่า โรดริโก้ อิฟราโน่ ดอส ซานโตส ไลเต้ หรือ ดีกาโอ และ น้องชายของเขาก็หวังว่าจะได้เดินตามรอยเท้าของพี่เพื่อไปเล่นยัง เซเรีย อา
ชื่อ กาก้า นั้นเป็นสำเนียงแบบ โปรตุเกส ที่จะออกสำเนียงเน้นคำหลัง ตอนที่อยู่ในบราซิลนั้นจะมีคนเรียกเขาว่า ริคาร์โด้ มากกว่า อย่างไรก็ก็ตามชื่อ กาก้า นั้นได้มาจากน้องชายของเขาที่ไม่สามารถเรียกพี่ชายของเขาว่า ริคาร์โด้ ได้ในตอนเด็กๆ ทำให้ โรดริโก้ หันมาเรียก คาค่า (Caca) แทน และมาตอนหลังจึงเปลี่ยนมาเป็น กาก้า (Kaka)อย่างในปัจจุบัน
ในเดือนกันยายน ปี 2000เมื่อ กาก้าอายุได้ 18ปีเขาก็ต้องเกือบที่จะต้องหยุดอนาคตการค้าแข้งลง หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุ และมีอาการกระดูกสันหลังร้าว จนทำให้เกือบเป็นอัมพาต แต่หลังจากนั้น1ปี กาก้า ก็ฟิตเต็มที่และกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ในเกมสำรองของทีม โดยโค้ชส่งเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วง 14นาทีสุดท้าย ในเกม ทอร์เนโร่ ริโอ นัดชิงชนะเลิศ ที่ทีมต้นสังกัด เซาเปาโล ตามหลังคู่แข่งอยู่ 1ประตู และจากการตัดสินใจของโค้ช เซาเปาโล ที่ส่ง กาก้า ลงสนามนั้น คอมเมนเตเตอร์ที่บรรยายเกมอยู่ถึงกับพูดออกมาว่า โค้ช เซาเปาโล นั้นต้องบ้าแน่ๆ แต่หลังจากนั้น 2นาที กาก้า ก็จัดการปิดปากผู้บรรยายรายนี้ด้วยการยิง 2ประตูช่วยให้ทีมพลิกมาคว้าชัยได้อย่างเหลือเชื่อ . กาก้า ให้เหตุผลการกลับมาในครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากการที่เขาเข้าโบถส์บ่อย จนได้รับของขวัญจากพระเจ้า

ประวัติการค้าแข้ง ระดับสโมสร
กาก้า ลงเล่นเปิดตัวกับ เซา เปาโล ครั้งแรกเมื่อปี 2001เมื่ออายุได้ 18ปีและในฤดูกาลแรกเขาก็ยังไป 12ลูกจาก 27เกมที่ลงเล่น และ 10ประตู จาก22เกมในซีซั่นถัดมา ซึ่งในขณะที่เขาอายุ 17นั้นทางต้นสังกัด เซา เปาโล เกือบที่จะขาย กาก้า ไปให้กับ กาซิอันเทปสปอร์ ทีมในดิวิชั่น 1ตุรกี แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะ นูรัลลาห์ ซาแกลม กุนซือทีม กาซิอันเทปสปอร์ ขณะนั้น และทางบอร์ดบริหารของทีมนั้นปฏิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวน 1.5ล้านเหรียญ ยูเอส (ประมาณ 60ล้านบาท)ให้กับ เซา เปาโล ซึ่งหลังจากที่ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ เซา เปาโล ฟอร์มของเขาก็เริ่มไปเตะตาบรรดาทีมใหญ่ในยุโรป
กาก้า ย้ายสู่ เอซี มิลานเมื่อปี 2003ด้วยค่าตัว 8.5ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 340ล้านบาท) ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ประธานสโมสรมิลานบรรยายถึงนักเตะรายนี้ว่า “เขาเล่นฟุตบอลเหมือนมีตาหลัง” และเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น กาก้า ก็มาอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้เลย และหลังจากนั้นเขากได้ลงลเนเกม เซเรีย อา นัดแรกซึ่งเป็นที่ทีมออกไปเยือน อันคอน่า และ มิลาน ก็คว้าชัยไปได้ 2-0.และเขายิงไป 10ประตูจาก 30เกมที่ลงเล่นในซีซั่นนั้น ซึ่งต้นสังกัดก็คว้าสคูเด็ดโต้ และ ถ้วย ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ คัพได้ด้วย

กาก้า เป็นหนึ่งใน 5แผงมิดฟิลด์ของมิลาน ในฤดูกาล 2004-2005 และบ่อยครั้งที่ต้องขึ้นไปเล่นเป็นหน้าต่ำเพื่อสนับสนุน อังเดร เชฟเชนโก้ หัวหอกของทีมในเวลานั้น .และฤดูกาลที่สองของเขานั้นก็จบลงที่การยิงไป 7ลูกจาก 36เกมที่ลงเล่นและมีถ้วย อิตาเลียน ซุปเปอร์ คัพ ติดมือมาด้วย .โดยในลีก มิลาน จบอันดับที่ 2ตามหลัง ยูเวนตุส ทีมแชมป์และต้องพลาดการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอย่างน่าเสียดายเมื่อแพ้จุดโทษต่อ ลิเวอร์พูลไปในรอบชิงชนะเลิศ .แต่ กาก้า ก็ได้รับเลือกให้เป็นกองกลางยอดเยี่ยมประจำทัวนาเมนต์ปีนั้น และในการประกาศผู้ได้รับรางวัล ลูกบอลของคำ ปีเดียวกัน กาก้านั้นได้รับการโหวต ทั้งหมด 19คะแนนและรั้งอยู่ในอันดับที่ 9
หนึ่งในประตูที่ กาก้า ทำได้ในชุดมิลานนั้นมีอยูประตูหนึ่งในนัดที่พบกับ เฟเนบาร์เช่ ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2005/06 ที่ทีมรอสโซเนโร่ พิชิตทีมแดนไก่งวงไปได้ 3-1.ประตูที่เกิดขึ้นนี้มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนนำไปเปรียบเทียบกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า โดย กาก้า ลากบอลจากแดนกลางผ่านผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามถึง 3รายก่อนที่จะหลุดเข้าเขตโทษไปยิงผ่านผู้รักษาประตู โวลคาน เดมิเรล เข้าไป .และใน วันที่ 9เมษายน 2006 กาก้า ก็ซัดแฮตทริกแรกในการเล่นให้ มิลาน ได้สำเร็จในการพบกับ เวโรน่า โดยทั้ง 3ลูกมาจากการยิงในครึ่งหลังทั้งหมด

ในปี 2006นี้ รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปนแสดงความสนใจที่จะคว้าตัว กาก้า ไปร่วมทัพ แต่ทาง มิลาน ก็ปฏิเสธกลับไป โดยการจับดาวเตะวัย 24ปีรายนี้เซ็นสัญญาใหม่ที่จะทำให้เจ้าตัวอยู่กับทีมไปจนกระทั้งปี 2011 ต่อมา ในวันที่ 1พฤศจิกายน ปีเดียวกัน กาก้า ก็จัดการทำแฮตทริกที่สองให้กับตัวเองในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ อันเดอร์เลช ที่ทีมจาก อิตาลี เอาชนะไปได้ 4-1 และเป็นแฮตทริกแรกในบอลยุโรปของ ดาวเตะรูปหล่อรายนี้ด้วย
กาก้า ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2006จากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีการทำโพลของ”โอ โกลโบ”นิตยสารในบราซิล ในหัวข้อที่ว่า”ใครคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก”ซึ่งจากผลสำรวจปรากฏว่า กาก้า ได้รับการโหวตถึง 81.5เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่2นั้นเป็น โรนัลดินโญ่ ทีได้ 11เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมี กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของอิตาลี ที่ตั้งหัวข้อสำรวจเดียวกัน และ กาก้า ก็ติดอยู่ในกลุ่มผู้เล่นยอดเยี่ยมที่ได้รับการโหวตเหมือนเดิม
และหลังจากนั้น คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของ มิลาน ก็ออกมายกย่องลูกทีมของตนเองว่า กาก้านั้นเป็นผู้เล่นที่สมควรจะได้รางวัลฟุตบอลทองคำในปี 2006มากที่สุด แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน เป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง
ฟุตบอลโลก 2006
เกมแรกของบราซิลในกลุ่ม เอฟ ,กาก้า ก็สามารถเบิดสกอร์แรกให้ทีมได้ทันทีในนาทีที่ 44จากเกมที่พบกับ โครเอเชีย ซึ่ง กองกลางรายนี้ ยิงจากนอกกรอบประมาณ 25เมตร และลูกนี้ก็เป็นประตูชัยให้ทีมด้วย .บรรดาสื่อต่างๆพากันยกย่อง กาก้า ว่าเป็น 1ใน5สิ่งมหัศจรรย์ของเกมลูกหนังร่วมกับ อาเดรียโน่ ,โรนัลโด้ ,โรนัลดิลโญ่ และ โรบินโญ่ และ ในเกมรอบต่อมากับ กาน่า เจ้าตัวเป็นคนจ่ายให้ โรนัลโด้หลุดเข้าไปทำประตูให้ทีม และถือเป็นการยิงทำลายสถิติสูงสุดของตลอดกาล แกร็ด มุลเลอร์ ลงด้วย .แต่มาในนัดที่พบกับ ฝรั่งเศส ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เจ้าตัวและเพื่อนร่วมทีมต่างไม่สามารถรักษาฟอร์มเอาไว้ได้ทำให้ต้องจบปี 2006ด้วยมือเปล่า

ประวัติการเล่นทั้งสโมสรและทีมชาติ
ระดับเยาวชน
1990-2000 เซา เปาโล
ระดับอาชีพ
2001-2003 เซา เปาโล
2003-2009 เอซี มิลาน
2009-ปัจจุบัน เรอัล มาดริด
ระดับทีมชาติ
2002-ปัจจุบัน ทีมชาติบราซิลชุดใหญ่

เกียรติประวัติและผลงานส่วนตัว
ระดับสโมสร
เซา เปาโล : Copa Sao Paulo de Juniores (2000), Torneio Rio-Sao Paulo (2001), Super Campeonato Paulista (2002)
เอซี มิลาน : แชมป์ กัลโช เซเรีย เอ (2003-04),อิตาเลียน ซุปเปอร์ คัพ (2004), ยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก (2006-07), ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ (2003, 2007), สโมสรชิงแชมป์โลก (2007)
เรอัล มาดริด : แชมป์ลาลีกา สเปน (2011-12), โคปา เดล เรย์ (2010-11), ซุปเปอร์โคปา เดอ เอสปันญา (2012)
ระดับทีมชาติบราซิล
– แชมป์ฟุตบอลโลก 2002
– แชมป์ฟีฟ่า คอนเฟดเดเรชั่นส์ คัพ 2005, 2009
รางวัลส่วนตัว
– นักเตะต่างชาติยอดเยี่ยมแห่งปีของกัลโชฯ (2004, 2006,2007)
– นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของกัลโชฯ (2004, 2007)
– นักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ รางวัลบัลลงดอร์ ปี (2007)
– นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า ปี (2007)
– ติดทีมยอดเยี่ยมยูฟ่า 3 ปี (2006, 2007,2009)
– ดาวซัลโวของยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก (2006-07)
– นักฟุตบอลยอดเยี่ยมสโมสรยุโรป (2006-07)
– นักเตะยอดเยี่ยมของโลก จากฟิฟโปร (2007)
– นักกีฬายอดเยี่ยมของทวีปอเมริกาใต้ (2007)
– ติดผู้ทรงอิทธิพล 100 คน ของนิตยสารไทม์ (2008, 2009)
กาก้า ปิดฉากอาชีพการค้าแข้งกับ ออร์ลันโด้ ซิตี้ เอฟซี ในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (และมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขาถูกปล่อยตัวกลับไปที่ เซา เปาโล โดยสัญญายืมตัว) เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดในเดือนธันวาคมปี 2017 และนั้นคือเรื่องราวของผู้ยิ่งใหญ่คนสุดท้ายก่อนเข้าสู่ยุคของ โรนัลโด้ และ เมสซี่ จะเริ่มขึ้น
ติดตามเรื่องราวนักฟุตบอลระดับโลกได้ที่ : ฟาบิโอ คันนาวาโร่
ติดตามข่าวสารน่าสนใจ : 10 สายพันธุ์สุนัขน่าเลี้ยง