3 ข้อคิด ที่จะทำให้นักฟุตบอลไทยไปไกลระดับโลก

ในสมัยก่อน เมืองไทยเคยมีนักเตะ ฝีเท้าดี เดินทางออกไปเล่นฟุตบอลอาชีพ นอกประเทศ ทั้งในเอเชีย และยุโรป บางคนก็ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง มีผลงานติดตัวบ้าง และมีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ประสบความสำเร็จเลยก็มี แต่นี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายๆ ปีก่อน ในยุคเก่าของฟุตบอล ซึ่งในโลกของฟุตบอลสมัยใหม่ที่ไทยลีก กลายเป็นลีกที่แข็งแกร่งขึ้น มีค่าตอบแทนค่อนข้างสูง ทำให้แทบไม่เห็น นักฟุตบอลไทย ออกไปเป็นนักเตะลีกอาชีพในต่างประเทศเลย

                กระทั่งกลางปี 2017 ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลายเป็นผู้เล่นไทยคนแรกที่ได้ฝากรอยเท้าไว้ ในศึก เจ 1 ลีก (ลีกฟุตบอลสูงสุดของญี่ปุ่น) ด้วยการย้ายไปเล่นให้กับ คอนซาโดเล ซัปโปโร ด้วยสัญญายืมตัวจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมกับ ออปชั่นซื้อขาด หลังเจ้าตัวประสบความสำเร็จ ในการค้าแข้งที่ไทย และสร้างชื่อกระหึ่มอาเซียน จากการซิงรางวัล MVP ฟุตบอล AFF Suzuki Cup 2 สมัยติดต่อกัน

ครึ่งปีแรกของ ชนาธิป เขาสร้างสีสัน ให้กับลีก แดนอาทิตย์อุทัย ด้วยลีลาการเล่น ที่ตื่นตาตื่นใจ รวมถึงจังหวะการจ่ายบอล ที่เฉียบขาด ความสามารถ เฉพาะตัวที่เล่นงานนักเตะญี่ปุ่น คนแล้วคนเล่า แต่ทั้งหมดเทียบไม่ได้เลย กับผลงานที่เหนือขึ้นไปอีกขั้น ในฤดูกาล 2018 ที่เป็น นักฟุตบอลไทย คนแรกที่ติดทีมยอดเยี่ยม แห่งฤดูกาล จากนั้นในปีนี้ เขาพาทีมคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ในรายการ ลูวาน คัพ ซึ่งจะพาไปดูว่า 3 ข้อคิดของ เจ ชนาธิป ที่นำพาเขาไปสู่จุดสูงสุดได้

3 ข้อคิด ที่จะทำให้นักฟุตบอลไทยไปไกลระดับโลก

1. การสร้างเสริมสุขภาวะ

ชนาธิป ไม่ได้มีปัญหาในการปรับจังหวะให้ทัน กับสปีดฟุตบอลของเจลีก ชนาธิป ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความแข็งแรง แม้จะมีรูปร่างเล็ก แต่กล้ามเนื้อทุกมัด ผ่านการฟิตเนส ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีของเจ้าตัว โดนชนไม่ค่อยล้ม ยังเลี้ยงบอลไปต่อ รวมถึงปัญหาเรื่องภาษา วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม ก็ค่อยๆหายไป จนกลายเป็นความรู้สึกที่คุ้นชิน

และชื่นชอบบรรยากาศฟุตบอลในต่างแดน แต่ ชนาธิป จะไม่มีทุกอย่างที่ว่ามาข้างต้นเลย หากเขาไม่มีสิ่งหนึ่งคือการฝึกฝนสภาวะจิตใจตัวเอง ให้แข็งแกร่ง จนสามารถผ่านทุกอุปสรรค และชนะข้อจำกัดของตัวเองได้ เจได้เปิดเผยเรื่องปมในใจที่โดนผู้คนดูถูกมาตั้งแต่เด็ก ผ่านรายการ Woody World ด้วยสรีระที่เล็กเกินไป และถูกตั้งคำถามมาโดยตลอดว่า เขาจะดีพอเล่นฟุตบอลเหมือนเด็กคนอื่นไหม? แม้ตลอดหลายปีที่เขาเล่นฟุตบอล ชนาธิป จะตอบทุกคำถามทั้งหมด ด้วยเท้าทั้งสองข้างที่พาเขาไปค้าแข้งยังต่างแดนได้

2. สปช. เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต

ผลงานของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในฤดูกาล 2018 และ 2019 ที่เป็นกำลังสำคัญจนถึงขั้นพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยที่รอคอย สะท้อนให้เราเห็นถึง พัฒนาการอีกระดับของนักบอลไทย ที่ทำลายจุดอ่อนของตัวเองลงอย่างสิ้นซาก โดยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนทัศนคติ ให้เป็น นักฟุตบอลต่างชาติในต่างแดน

ชนาธิป เคยให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อก่อนเขามักมีความคิดหนึ่งติดตัวที่ว่า “ต้องจ่ายให้เพื่อนก่อนยิงเอง” ทำให้จุดอ่อนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนสุดของ เจ ชนาธิป ตอนยังค้าแข้งในไทยลีกคงหนีไม่พ้นเรื่องทำประตู ที่ไม่ค่อยเฉียบคม ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งสามารถผลิตสกอร์ได้บ่อย อย่าง กองกลางตัวรุก

                การเปิดรับคำสอนจาก โค้ชมิไฮโล ที่บอกให้เขากล้าทำประตู ทำเกมรุกมากขึ้น ก็ทำให้ ชนาธิป เปลี่ยนความคิดก่อนลงสนามฟุตบอล เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมคิดเสมอว่าทุกนัดที่ลงเล่น ผมลงเล่นในนามคนไทย ดังนั้นทุกเกมต้องมีผลงาน ต้องยิงหรือแอสซิสต์ให้ได้” ไม่แปลกหากปีนี้ ชนาธิป จะกล้า กล้าเล่นจังหวะที่ไม่เคยทำมาก่อน แม้กระทั่งลูกโหม่งที่ใครๆก็ไม่คาดคิดว่า ชนาธิป จะโดดเทคตัวโหม่งทำประตู เขาก็ทำมาแล้

3. สิ่งแวดล้อมและสังคม

บุคลิกที่ขี้เล่น ร่าเริง รอยยิ้มแบบไทยไทย คือสิ่งที่ ชนาธิป นำเสนอผ่าน สายตาทุกคู่ ในห้องแต่งตัว และยามอยู่นอกสนามแข่งขัน ดังเห็นได้จากการที่ ดาวเตะ นักฟุตบอลชาวไทย มักโพสต์ภาพ คลิป ที่เจ้าตัวมักใช้เวลาว่าง พานักเตะในทีม ไปกินข้าว ทำกิจกรรมต่างๆ หรือพูดคุยหยอกล้อกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้ ชนาธิป ชนะใจเพื่อนๆนักเตะได้  เพราะในสนามฝึกซ้อม และสนามแข่งขัน เจ้าของเสื้อหมายเลข 18 เริ่มโชว์ให้เห็นทุกคนในทีมเห็นว่า เขามีศักยภาพมากแค่ไหน และสามารถใช้มัน เพื่อช่วยเหลือทีมได้

3 ข้อคิด ที่จะทำให้นักฟุตบอลไทยไปไกลระดับโลก

               “ช่วงแรกๆ ที่ฝึกซ้อมฟุตบอล ผมรู้สึกค่อนข้างกดดัน เพราะเราเป็นนักเตะต่างชาติ ก็ต้องซ้อมออกมาให้ดี วันไหนเราซ้อมได้ไม่ดี ผมจะรู้สึกนอยด์ตัวเองมาก ส่วนการปรับตัวเข้า กับเพื่อนร่วมทีม จริงๆ ทุกคนเขาก็มีพื้นที่ของตัวเอง แต่ผมอยู่ที่นั่น เวลาเจอใครที่ไหน ผมยิ้มกับไหว้ตลอด จนผู้คนในเมืองเขาเริ่มชอบผม” ชนาธิป เผยผ่านรายการ Woody World

ไม่เพียงแต่คนในสโมสร ที่ ชนาธิป สามารถเอาชนะใจ และพิสูจน์ ด้วยผลงานในสนาม จนทำให้ภารกิจที่ดูเหมือนยากของเขา ในการลงเล่นบนศึก เจ-ลีก เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเรื่อยๆ  นอกจากนี้ ชนาธิป ยังสร้างความสัมพันธ์อันดีภายนอกสนาม โดยเฉพาะกับชาวเมืองซัปโปโร เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดาวเตะชาวไทยทำได้ดี และทำให้ผู้คนที่นี่ มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่กับ ชนาธิป แต่ยังรวมถึง คนไทยทั้งหมด ที่มาท่องเที่ยว หรือ ชมเกมเจ-ลีกอีกด้วย

ซึ่งทั้งสามข้อที่กล่าวมานี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ที่ต้องปรับตัว เก็บสะสมประสบการณ์ เรียนรู้จากความผิดพลาดต่างๆ เพื่อนำมาเป็นแรงผลักดันให้ก้าวสู้ต่อไป เพื่ออนาคตที่สดใส และการเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

มาดูการ อัพเดท ข่าวเด่นตลาดนักเตะลีกยุโรปล่าสุด งานนี้ทางด้าน หงส์แดง หรือ ลิเวอร์พูล มีลุ้นเลยทีเดียว หากคิดจะเอาจริงเองจัง กับการล่าตัวของ มิลอต ราชิซ่า ดาวเตะเนื้อหอม แวร์เดอร์ เบรเมน เพราะตัวนักเตะกระสันในการที่จะย้ายทีม

อ่านบทความน่าสนใจเกี่ยวกับกีฬาเพิ่มเติม : Jude Bell เจ้าหนุ่มนักเตะ ลูกครึ่งไทย – อังกฤษ